วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

7 ข้อคิดในการเตรียมบ้านรับปาร์ตี้

ใกล้จะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว กลิ่นอายของปาร์ตี้คงลอยฟุ้งอยู่ทั่วไป สำหรับใครที่กำลังคิดจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสังสรรค์ที่บ้าน วันนี้เรามีทิปส์ดีๆ กับการเตรียมบ้านให้พร้อมเพื่อรับมือกับความสนุกสนานรื่นเริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในแบบที่เมื่องานจบ แล้วเจ้าของบ้านไม่ต้องสลบตาม
#1. จำกัดพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดงาน
ถ้าบ้านของคุณเป็นเพียงคอนโดฯ ยูนิตเล็กๆ ทิปส์ในข้อนี้อาจจะไม่ค่อยมีความหมาย แต่ถ้าเป็นบ้านที่มีหลายห้อง คุณคงไม่อยากให้บรรดาเพื่อนๆ หรือญาติๆ ที่จะมาร่วมงานตระเวนทัวร์ทุกซอกทุกมุมของบ้านคุณเป็นแน่ ให้คุณใช้วิธีจำกัดพื้นที่ของการจัดงาน โดยห้องไหนที่ไม่ต้องการให้ผู้มาร่วมงานเข้าไปยุ่งก็จัดการปิดเสียให้เรียบร้อย หรือถ้าบ้านคุณเป็นแนวเปิดโล่ง ให้หาผ้าหรือม่านบังตาเก๋ๆ มาใช้บังแทนประตูก็ดูงามอยู่





#2. พยายามจัดอาหารให้อยู่ในมุมเดียว
โอเคว่าการมางานปาร์ตี้ไม่ใช่การมานั่งกินข้าวในโรงอาหาร ดังนั้นจะคาดหวังให้แขกของเรานั่งอยู่เฉพาะมุมใดมุมหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่โดยทั่วไปแล้วคงไม่ค่อยมีคนไปตักอาหารไปกินไกลจากมุมอาหารและเครื่องดื่มมากนัก ดังนั้น การจัดอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไว้มุมใดมุมหนึ่งจะทำให้สะดวกต่อการดูแลเรื่องความสะอาดของสถานที่ได้ง่าย เพราะคงไม่ดีแน่หากตอนเก็บกวาดบ้านแล้วไปเจอซากอารยธรรมของยำวุ้นเส้นตกค้างอยู่ตรงขอบหน้าต่างห้องนั่งเล่น 





#3. ป้องกันพื้นห้องสุดที่เลิฟ
หลังจากที่เฝ้าทะนุถนอนพื้นห้องที่รักมาเป็นอย่างดี คงไม่มีใครอยากให้เกิดราคีบนพื้นผิวในชั่วข้ามคืน ลองหาพรมเช็ดเท้ามาวางเพิ่มตรงทางเข้าดูนะคะ เพราะอย่างน้อยก็เป็นสัญญาณเตือนเล็กๆ ให้ผู้มาเยือนรู้ว่าอย่างน้อยก็ควรจะถูๆ ไถๆ รองเท้าสักนิดก่อนเข้าไปเดินตระเวนทั่วทุกมุมของบ้าน นอกจากนี้ ลองหาพรมเช็ดเท้าหรือผ้ามาปูใต้โต๊ะที่เราใช้วางอาหารและเครื่องดื่มก็ดีนะคะ เพราะเวลาอาหารหล่นหรือน้ำหกจะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าห้องที่มีการปูพรมที่พื้นทั่วห้อง ยิ่งต้องระมัดระวังให้ดี หากมีเศษอาหารหรือเครื่องดื่มตกลงไป ทีนี้คุณอาจจะมีงานงอกต้องมานั่งทำความสะอาดพรมครั้งใหญ่ก็เป็นได้  





#4. เคลื่อนย้ายพร็อพแต่งห้องที่แตกง่ายออกจากจุดเกิดเหตุ 
ทิปส์ในข้อนี้ออกแนวกันไว้ดีกว่าแก้ แน่นอนว่าคงไม่มีแขกคนไหนเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านคุณ แต่เหตุสุดวิสัยย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น ก่อนที่จะได้เวลาแขกมาถึง ให้จัดการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งทั้งหลายที่ทำจากแก้ว กระเบื้อง หรือวัสดุที่แตกได้ง่ายออกจากห้องที่จะจัดปาร์ตี้ ถ้าหากห้องคุณเป็นคอนโดแบบสตูดิโอ ให้ย้ายพร็อพเหล่านั้นไปอยู่ตรงมุมอับเป็นการชั่วคราว แต่ถ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนใหญ่เกินย้าย สิ่งที่คุณทำได้คงแค่การระมัดระวังให้ดีที่สุด 
#5. ลงทุนสักนิดกับจานรองแก้ว  
คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไหร่ หากหลังจากปาร์ตี้แล้วคุณพบว่าชั้นวางหนังสือไม้ของคุณเต็มไปด้วยรอยด่างของไอน้ำที่ซึมออกจากแก้วเครื่องดื่ม ดังนั้น คำแนะนำในข้อนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องจิ๊บๆ แต่การลงทุนเสียเงินซื้อจานรองแก้วเพิ่ม (ในกรณีที่คุณไม่มีหรือมีน้อย) นับเป็นการป้องกันตัวคุณเองให้พ้นจากอาการน้ำตาตกในในภายหลังได้





#6. เตรียมห้องหรือพื้นที่นอนสำหรับแขก  
แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีเพื่อนหรือแขกคนไหนมานอนค้างคืนด้วยหลังจากปาร์ตี้ แต่การเตรียมห้องหรือพื้นที่นอนไว้ในกรณีฉุกเฉินดูจะเป็นไอเดียที่ดี โดยเฉพาะถ้าปาร์ตี้นั้นมีการดริ้งค์ แดร้งค์ ดรั้งค์กันแบบสุดเหวี่ยง นอกเสียจากว่าคุณยินดีที่จะขับรถพาร่างที่เกือบขาดสติของเพื่อนคนนั้นไปส่งบ้าน  


#7. จัดที่นั่งให้พอดี  
เพื่อนคุณอาจจะชื่นชอบภาพวาดที่คุณซื้อมาประดับผนัง หรือพร็อพสไตล์วินเทจบนโต๊ะรับแขก แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งที่เพื่อนคุณจะเลิฟมากกว่านั้นคือมุมที่นั่งดีๆ สบายๆ วิธีเพิ่มพื้นที่ที่นั่งง่ายๆ เช่น หากโซฟาตัวน้อยของคุณมีหมอนวางอยู่ ให้เอาหมอนไปเก็บไว้ที่อื่นชั่วคราวก่อน ที่นั่งที่คุณจัดไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่ตั้งทีวี นอกเสียจากว่าปาร์ตี้คืนนี้คุณจะมาดูหนังมาราธอนกันตลอดคืน ให้หามุมเหมาะๆ และกว้างขวางพอสำหรับนั่งชิทแชทกันสบายๆ แค่นี้ก็น่าจะฟินอยู่ไม่น้อย





หลังจากสำรวจความเรียบร้อยทั้ง 7 ข้อแล้ว ทีนี่ก็ได้เวลาเตรียมรับแขกและสนุกกันให้เต็มที่ เพราะราตรีนี้คงยังอีกยากไกล  




วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

การตัดเค้กแต่งงาน

ประเพณีการตัดเค้กแต่งงาน







   เค้กแต่งงานถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบรูณ์ ที่จะขาดไม่ได้ในพิธีแต่งงาน  สมัยแรกเริ่มใช้

ข้าวสาลีที่เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบรูณ์ และความเจริญรุ่งเรืองโปรยใส่เจ้าสาว แล้วให้

หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่ครองแย่งกันเก็บเมล็ดข้าวสาลี เพื่อประกันว่าพวกเธอจะได้แต่งงานในไม่ช้า เช่นเดียว

กับการแย่งช่อดอกไม้ในยุคปัจจุบัน ต่อมาได้เปลี่ยนจากการปาเมล็ดข้าวสาลี มาเป็นการอบขนมเค้กชิ้น

เล็กๆ ที่ทำจากข้าวสาลีแจกให้แขกที่มาในงานรับประทาน และโยนใส่คู่บ่าวสาวแทน หลังจากนั้นได้มี

ธรรมเนียมให้นำขนมปังมาวางเรียงซ้อนเป็นชั้นๆ เชื่อกันว่ายิ่งกองสูงได้เท่าใดยิ่งดี เพราะจะแสดงถึง

 หลังจากนั้นในช่วงสมัยพระเจ้าชาร์ลสที่2 มีพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนนึงไปเที่ยวกรุงลอนดอน และเห็นพิธี

กองเค้กแล้วอาจมีการล้มพังลงมาได้ เขาจึงได้คิดทำขนมเค้กก้อนใหญ่เป็นชั้นๆ แล้วเคลือบด้วยน้ำตาล

ไอร์ซิ่งแทน จากนั้นก็ได้พัฒนารูปแบบเรื่อยมา จนมาเป็นเค้กแต่งงานที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน


คิดจะแต่งงานคิดถึงเรา  thaiweddingalbum






10 เคล็ดลับ และข้อควรปฎิบัติ ในการไปเที่ยวสำหรับผู้หญิง

         ต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ผู้หญิงจำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเป็นพิเศษ เพราะสมัยนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ มีมิจฉาชีพอยู่เต็มไปหมด และผู้หญิงก็คงไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ด้วยทำให้ทริปท่องเที่ยวของคุณ อาจกลายเป็นฝันร้ายที่สูญเสียเงินหรือกระทั่งชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ ทำให้ผู้หญิงเราจึงต้องเที่ยวแบบระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

1. หลีกเลี่ยงที่เปลี่ยว

         ต่อให้เป็นในประเทศที่ตัวเองรู้จักดี ตามตรอกซอกซอยที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมายังน่ากลัวเลย นับประสาอะไรกับต่างประเทศที่คุณไม่รู้ว่ามันเป็นที่ไหนด้วยซ้ำ หากพวกมิจฉาชีพเห็นผู้หญิงตัวคนเดียวแถมยังเป็นชาวต่างชาติมาเดินในที่แบบ นี้ มีหวังได้โดนปล้นแน่ ๆ เพราะยังไงซะผู้หญิงก็เป็นเพศที่อ่อนแอและยากจะต่อสู้ได้อยู่แล้ว

2. พกไฟฉายและนกหวีดไปด้วย

          ต่อให้มีเพื่อนไปด้วย แหล่งท่องเที่ยวรวมทั้งถนนที่มืดมิดก็ยังน่ากลัวอยู่ดี แถมอาจมีกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ ที่คุณต้องใช้ในยามจำเป็นอีกด้วย ดังนั้น ควรพกไฟฉายแท่งเล็ก ๆ ติดกระเป๋าไว้สักอัน และหากมีน้ำหนักสักนิดพอใช้เป็นที่ป้องกันตัวได้ด้วยก็น่าจะยิ่งดี ทั้งนี้ แม้จะมีเพื่อนไปด้วยแต่บนถนนมืด ๆ ก็ควรใช้ และถ้าหากจวนตัวจริงๆ นกหวีดเป็นอุปกรณ์เรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างดี ในการขอความช่วยเหลือ
 

3. คนพลุกพล่านใช่ว่าจะดี

         มีโจรไม่น้อยที่ชอบสถานที่ที่คนพลุกพล่านยิ่งกว่าตามตรอกซอกซอย เช่น ในงานประเพณีหรืองานคอนเสิร์ต เพราะท่ามกลางคนที่เบียดเสียดแออัด แถมคุณยังประมาท อาจเป็นโอกาสดีให้พวกเขาแทรกตัวเข้าไปฉกฉวยข้าวของจากคุณแบบเนียน ๆ ในขณะที่คุณเผลอ แล้วหายไปกับฝูงคนได้อย่างรวดเร็ว รู้แบบนี้แล้วก็ต้องระวังข้าวของให้มากขึ้นหน่อยล่ะ

4. กระจายการเก็บเงิน

          ถ้าคุณจำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวจำนวนมากพอสมควร และก็กลัวว่าการเก็บเงินไว้ที่กระเป๋าสตางค์เพียงจุดเดียว หากถูกขโมยขึ้นมาจริง ๆ คงต้องเดือดร้อนแน่ ๆ เพราะฉะนั้น กระจายที่เก็บเงินเอาไว้สำรองหน่อยก็ดี เช่น ซุกซ่อนไว้ตามชุดชั้นใน เป็นต้น แบบนี้แล้วหากคิดจะฉกฉวยไปคงยากแน่ ๆ แถมยังเป็นที่ซึ่งหลายคนคาดไม่ถึงอีกด้วย

5. เก็บเครื่องประดับไปซะ


          เข้าใจดีว่าเครื่องประดับสวย ๆ ทั้งหลายเป็นของที่คุณแสนจะภาคภูมิใจ ไปเที่ยวทั้งทีก็อยากจะแต่งตัวสวยใส่โชว์กันบ้าง แต่มันจะคุ้มกันไหมล่ะ หากเครื่องประดับของมีค่าพวกนี้เป็นตัวล่อตาล่อใจเหล่ามิจฉาชีพได้เป็นอย่าง ดี และถ้าคุณไม่อยากให้เครื่องประดับชิ้นโปรดถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา ก็ทิ้งมันไว้ที่บ้านดีกว่า

6. ยกกระเป๋าให้เขาไป

          ถ้าคุณเกิดโดนโจรจี้ปล้นเข้าแล้วจริง ๆ ก็ยอมยกกระเป๋าของคุณให้เขาไปเลยดีกว่า คุณอาจคิดว่าแค่เงินก็น่าจะพอ จึงกะจะลองวัดใจล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ควักเงินให้ แต่เขาจะเข้าใจผิดได้ว่าคุณจะหยิบอาวุธจนเข้าทำร้ายเอา ทางที่ดียอมส่งกระเป๋าทั้งใบให้ไปเลยจะดีกว่า อย่างน้อยความปลอดภัยของคุณก็ต้องสำคัญกว่ากระเป๋าเพียงใบเดียวแน่ ๆ

7. ระมัดระวังการแต่งตัว


          แต่ละประเทศมีขนบธรรมเนียมประเพณีในการแต่งตัวแตกต่างกันไป ในขณะที่บางประเทศการแต่งตัวด้วยชุดเกาะอกเอวลอยอาจเป็นแฟชั่นทั่วไป ในบางประเทศอาจหมายถึงการยั่วยวน ซึ่งสามารถนำอันตรายมาสู่ตัวเองก็ได้ ดังนั้น พยายามเลือกเสื้อผ้าที่ดูมิดชิดไว้ก่อน นอกจากนี้ ก็สังเกตการแต่งตัวของคนท้องถิ่นเขาด้วย

8. หลีกเลี่ยงการคุยกับหนุ่มแปลกหน้า


          การมีหนุ่ม ๆ เข้ามาจีบอาจทำให้ทริปของคุณมีสีสันขึ้นอีกเยอะ แถมยังช่วยเสริมความมั่นใจ เป็นตัวเช็กเรตติ้งให้เราอีกต่างหาก แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาเขาสนใจเราจริง ๆ หรือแค่เงินในกระเป๋าของเรากันแน่ มีสาว ๆ ไม่น้อยหรอกนะที่หลงเสน่ห์โจรจนตามเขาไปกลายเป็นเหยื่อไม่รู้ตัว

9. ตบตาด้วยแหวนแต่งงาน

          ไม่มีผู้ชายมาด้วยเป็นตัวเป็นตนก็ไม่เห็นเป็นไร การสวมแหวนแต่งงานเอาไว้แม้จะดูเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ แต่มันทำให้ผู้ชายบางคนตัดสินใจเลิกยุ่งกับคุณ เพราะมองว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เป็นสมบัติของคนอื่น ยังไงก็ต้องเกรงใจสามีเธอบ้าง และมันก็เวิร์คไม่เบาเลยล่ะ

10. ในกรณีที่จะถูกข่มขืน

          วิธีนี้อาจจะฟังดูแปลกอยู่สักหน่อย แต่พบว่าการแกล้งทำเป็นจะอาเจียนใส่หน้าผู้ชาย ช่วยให้นักท่องเที่ยวสาวสามารถรอดมาได้หลายรายแล้ว อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าวิธีนี้จะได้ผลเสมอไป หากคุณถูกข่มขืนขึ้นมาจริง ๆ อย่าได้รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ว่าคุณจะขยะแขยงแค่ไหน อย่าเพิ่งรีบชำระล้างร่างกาย แต่ตรงไปโรงพยาบาลเพื่อเอาหลักฐานไปดำเนินคดีทันที

         ทั้งนี้ ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณดูมั่นใจแม้จริง ๆ แล้วจะไม่รู้ทางหรือแม้แต่ภาษาด้วยซ้ำ แต่มันก็จะพอช่วยตบตาให้มิจฉาชีพไม่เข้ามายุ่งกับคุณมากนัก ดังนั้น จำไว้ว่าอย่าทำท่าทางไม่มั่นใจหรือสับสนเด็ดขาด



ด้วยความปราถนาดีจาก       thaiweddingalbum.com